ในการเลือกเครื่องปรับอากาศเพื่อให้ได้ราคาแอร์ที่เหมาะสมนั้น สิ่งที่เราต้องรู้เป็นอับดับแรกคือ ขนาดของห้อง เมื่อได้ขนาดของห้องแล้ว เราก็มาหาขนาดของ BTU
ซึ่งก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ มีหน่วยเป็น 1 ตันความเย็น เท่ากับ 12000 BTU/HR. ซึ่งเป็นค่าประสิทธิภาพที่แสดงว่า เครื่องปรับอากาศมีความสามารถในการนำพาความร้อนออกจากห้องในเวลา 1 ชั่วโมงเท่าใด เราควรเลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะติดตั้ง เพื่อให้ได้ราคาแอร์ที่ไม่แพงจนเกินไป การเลือก BTU ที่สูงเกินกับขนาดห้องมากๆ จะทำให้ได้ราคาแอร์ ที่สูงขึ้นด้วย การเลือกขนาด BTU ให้ใช้การเปรียบเทียบการเลือกขนาดของ BTU กับพื้นที่ห้อง ดังนี้
แล้วทำไมต้องเลือกขนาดของแอร์ให้พอดี? การเลือกแอร์ใหญ่เกินไป คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อยครั้ง สิ้นเปลืองพลังงาน ความชื้นในห้องสูง ไม่สบายตัว ราคาแอร์และค่าติดตั้งสูง ถ้าเลือกแอร์เล็กเกินไป คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลา สิ้นเปลืองพลังงาน อายุการใช้งานสั้น ห้องไม่เย็น หรือเย็นช้า แต่ได้ราคาแอร์ ที่ถูก ปัจจัยอื่นที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมคือ จำนวนและขนาดของหน้าต่าง , ทิศที่แดดส่องถึงหรือทิศที่ตั้งของห้อง ,วัสดุหลังคามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่ ,จำนวนคนใช้งานในห้อง ,จำนวนและประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง
เมื่อเราทราบแล้วว่าจะเลือกแอร์ขนาด BTU เท่าไร เราก็จะสามารถกำหนดราคาแอร์ได้ โดยดูจากยี่ห้อ ชนิดของแอร์เป็นแบบแขวนฝ้าหรือตั้งพื้น มีอินเวอร์เตอร์ควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์หรือไม่ เพื่อช่วยลดการกระชากไฟเวลาทำงานและช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า การเลือกก็ควรเลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วย เพื่อช่วยให้เรามีค่าไฟฟ้าที่พอเหมาะต่อการใช้งาน ผู้อ่านคงสามารถเลือกขนาดและราคาแอร์ได้อย่างเหมาะสมกับห้องของท่านแล้วครับ